Peer dependencies ใน npm

30 Sep 2021,
Share: 
Cover image

สวัสดีครับ ในบทความนี้จะเกี่ยวกับ Peer dependencies ใน npm ครับ

Peer dependencies คืออะไร

ในบางครั้งถ้าเราต้องการจะสร้าง Library A และ Plugin B ที่ใช้งานร่วมกันตัวอย่างเช่น

import A from 'A';
import B from 'B';

A.addPlugin(new B());

A.doSomeThing();

จากตัวอย่างด้านบน หมายความว่า Plugin B จะต้อง Implement ให้สามารถใช้งานใน Library A ได้

ปัญหาคือ ถ้า Library A มีการเปลี่ยน version และมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างที่ทําให้ Plugin B ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป จึงทําให้เกิดปัญหาขึ้นมา

Peer dependencies จะมาช่วยแก้ปัญหานี้คือ จะช่วยบอก npm ว่า Plugin B จะสามารถใช้งานกับ Library A version อะไรได้บ้าง

ตัวอย่างการกําหนด peerDependencies ให้กับ Plugin B

{
  "name": "B",
  "version": "1.0.0",
  "peerDependencies": {
    "A": "2.x"
  }
}

จากตัวอย่างด้านบน หมายความว่า Plugin B v1.0.0 จะสามารถใช้งานร่วมกับ Library A v2.x ได้ แต่ใน Library A version อื่นๆนอกเหนือจากนี้ อาจจะไม่สามารถทํางานร่วมกันได้

ใน npm version 3-6 จะขึ้น Warning กรณีที่ version ของ package ใน peerDependencies ไม่ตรงกันกับ package ที่อยู่ใน node_module

แต่ ใน npm version 7 จะทําการ Install package ใน peerDependencies ให้โดยอัตโนมัติ ทําให้เกิด Conflic และ Error ขึ้นกรณีที่ ใน node_module มี package version อื่น อยู่แล้ว ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหาได้โดยใช้ —legacy-peer-deps ตอนใช้คําสั่ง npm install เพื่อบอก npm ว่าไม่ต้อง Install ให้ แค่แสดง Warning ขึ้นมาเฉยๆพอ เหมือนกับ npm version 3-6

$ npm install --legacy-peer-deps <your package>

Suggestion blogs

คํานวณความต้านทาน วงจรผสม

การคํานวณหาค่าคามต้านทานในวงจรผสม(ทั้งขนาน และอนุกรมรวมกันในวงจร) นั้นสามารถทําได้โดยยุบวงจรไปทีละส่วนไปเรื่อยๆ จนได้ค่าความต้านทานรวมทั้งหมด ถ้ายังนึกภาพไม่ออก มาดูตามตัวอย่างนี้ได้เลยครับ ตัวอย่าง ถ้าต้องการหาค่าความต้านทานรวม(RT) ของวงจรนี้

Review ไฟฉาย Nitecore concept 1

ไฟฉาย Nitecore รุ่น concept 1 เป็นไฟฉายรุ่นที่มีความสว่างสูงสุด 1,800 Lumens แสงพุ่งไกลถึง 220 เมตร จุดเด่นของรุ่นนี้คือ Feature เยอะมาก ขนาดเล็ก ความสว่างสูง คุณสมบัติโดยทั่วไปดังนี้

การอ่านสิทธิ์เข้าใช้งาน file, Directory ใน ubuntu

ระบบ File และ Directory ใน Ubuntu จะมีการกําหนดสิทธิ์การ Read, Write และ Execute ของ User โดยจะสามารถดูได้จากคําสั่งนี้ls -lจะได้ออกมาตามรูปด้านล่างImageจากรูปจะแสดงผลออกมาเป็นข้อมูลต่างๆ แต่ในบทความนี้เราจะสนใจแค่ 2 คอลัมน์ คือในกรอบสีแดง และสีเขียว รายละเอียดมีดังนี้


Copyright © 2019 - 2025 thiti.dev |  v1.56.0 |  Privacy policy | 

Build with ❤️ and Astro.

Github profile   Linkedin profile   Instagram   X profile   Nostr   Youtube channel   Telegram   Email contact   วงแหวนเว็บ