ในระบบคอมพิวเตอร์ จะใช้เลขฐานสอง(0, 1) ในการทํางาน เลขฐานสอง 1 ตัว เราจะเรียกว่า 1 bit สามารถแทนสถานะได้ 2 สถานะ คือ 0 กับ 1 ถ้าเรานําเลขฐานสองมาร่วมกัน 8 ตัว(8 bit) เราจะเรียกว่า 1 Byte สามารถใช้แทนสถานะได้ถึง 256 สถานะ(2 ยกกําลัง 8) Ascii เป็นการกําหนดมาตรฐานเพื่อใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ และอุกปรณ์ Digitall ต่างๆ โดยนําเลขฐานขนาด 1 Byte มาแทนตัว
อักษรต่างๆ เพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้ง่าย(ดูได้จากรูป Ascii table) เช่น ถ้าเราพิมพ์ตัว A คีย์บร์อดจะส่งข้อมูลเป็นเลขฐานขนาด 1 Byte ไปให้คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ก็จะนําไปประมวลผลต่อไป
ascii table
รหัสแอสกีมีใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ และเครื่องมือสื่อสารแบบดิจิทัลต่างๆ พัฒนาขึ้นโดยคณะกรรมการ X3 ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมมาตรฐานอเมริกา (American Standards Association) ภายหลังกลายเป็น สถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกา (American National Standard Institute : ANSI) ในปี ค.ศ. 1969 โดยเริ่มต้นใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1967 ซึ่งมีอักขระทั้งหมด 128 ตัว (7 บิต) โดยจะมี 33 ตัวที่ไม่แสดงผล (unprintable/control character) ซึ่งใช้สำหรับควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์บางประการ เช่น การขึ้นย่อหน้าใหม่สำหรับการพิมพ์ (CR & LF - carriage return and line feed) การสิ้นสุดการประมวลผลข้อมูลตัวอักษร (ETX - end of text) เป็นต้น และ อีก 95 ตัวที่แสดงผลได้ (printable character) ดังที่ปรากฏตามผังอักขระ (character map) ด้านล่าง รหัสแอสกีได้รับการปรับปรุงล่าสุดเมื่อ ค.ศ. 1986 ให้มีอักขระทั้งหมด 256 ตัว (8 บิต) และเรียกใหม่ว่าแอสกีแบบขยาย อักขระที่เพิ่มมา 128 ตัวใช้สำหรับแสดงอักขระเพิ่มเติมในภาษาของแต่ละท้องถิ่นที่ใช้ เช่น ภาษาเยอรมัน ภาษารัสเซีย ฯลฯ โดยจะมีผังอักขระที่แตกต่างกันไปในแต่ละภาษาซึ่งเรียกว่า โคดเพจ (codepage) โดยอักขระ 128 ตัวแรกส่วนใหญ่จะยังคงเหมือนกันแทบทุกโคดเพจ มีส่วนน้อยที่เปลี่ยนแค่บางอักขระ
ข้อมูลจาก wikipedia
สวัสดีครับ สําหรับเนื้อหาในบทความนี้เราจะอธิบายถึง Function ที่ Arduino เตรียมไว้ให้เราใช้ ว่าแต่ละ Function มีไว้ทําอะไร ใช้งานอย่างไร โดยผมจะหยิบมาเฉพาะที่ใช้กันบ่อยๆ มาดูกันเลยครับ
htop คืออะไรhtop คือ โปรแกรมตัวนึงที่ใช้สําหรับดู process ที่กําลังทํางานอยู่ในขณะนี้มี pid, user ฯลฯ สามารถแสดงผลว่า CPU ใช้ไปเท่าไร Memory ใช้ไปเท่าไร ในรูปแบบที่ดูง่ายตามรูปด้านล่าง
สวัสดีครับ บทความนี้เป็นเรื่องการทํางานของ https หรือ ssl ซึ่งปัจจุบันเราก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเวลาเราใช้งาน Internet ตรง Url บางเว็บเป็น http:// บางเว็บก็จะเป็น https:// นี่แหละครับที่เราจะพูกถึงกัน