การจัมพ์แบตเตอรี่รถสามารถทําเองได้ แต่ต้องระมัดระวัง เพราะแบตเตอรี่ มีส่วนประกอบของ นํ้ากรด ซึ่งในขณะที่แบตเตอรี่กําลังทํางาน จะเกิดก๊าซไฮโดรเจนสะสมในตัวแบตเตอรี่ จึงควรระมัดระวังเรื่องประกายไฟ เพราะอาจจะทําให้เกิดการระเบิดได้
วิธีจัมพ์แบตเตอรี่ที่ถูกต้อง **
**
- ปิดสวิตซ์กุญแจ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ของรถคันที่แบตเตอรี่หมด นําปากคีบของสายพ่วงดีแดงคีบกับขัว (+) แบตเตอรี่ ของรถคันที่แบตเตอรี่หมด แล้วนําปากคีบสายพ่วงสีแดงอีกด้านไปคีบกับขัว (+) แบตเตอรี่ของรถคันที่แบตเตอรี่เต็ม
- นําปากคีบของสายพ่วงสีดําคีบเข้ากับขัว (-) แบตเตอรี่ของรถคันที่แบตเตอรี่หมด แล้วนําปากคีบของสายพ่วงสีดําอีกด้าน คีบเข้ากับ ตัวถังของรถคันที่แบตเตอรี่เต็ม โดยให้ห่างจากแบตเตอรี่ให้มากที่สุด
- สตาร์ทเครื่องยนต์รถคันที่แบตเตอรี่เต็ม ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที และเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยเพื่อให้ประจุไฟฟ้าไหลเวียนในแบตเตอรี่
- สตาร์ทเครื่องยนต์รถคันที่แบตเตอรี่หมด
ข้อควรระวัง
- ไม่ต่อสายพ่วงแบตเตอร์รี่ในขณะที่เครื่องยนต์กําลังทํางาน
- เวลาต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ อย่าสูบบุหรี่หรือทำสิ่งใดที่ก่อทําให้เกิดประกายไฟ และระวังอย่าให้สายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้
- ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ทั้งขั้วบวกและขั้วลบ โดยใช้น้ำร้อนราดที่ขั้วแบตเตอรี่ทั้ง 2 ขั้ว เพื่อขจัดคราบเกลือที่เกาะติดอยู่
- ตรวจเช็คกำลังไฟของแบตเตอรี่ก่อน เพราะแบตเตอรี่ขนาด 6 โวลต์ หรือ 24 โวตล์ ไม่สามารถนำมาพ่วงกับแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ได้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดขึ้นได้
- ตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่ก่อนทุกครั้ง โดยดูจากที่วัดของแบตเตอรี่ หรือใช้ที่วัดความถ่วงจำเพาะ(HYDROMETER) บริเวณด้านข้างของแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เช่น สีเขียว = ประจุไฟฟ้าเต็ม สีน้ำตาลหรือสีดำ = ประจุไฟหมด สีเหลือง=แบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน
ข้อมูลและภาพประกอบโดย www.manager.co.th