อัลกอริทึมนี้จะใช้กุญแจสองตัวเพื่อทำงาน ตัวหนึ่งใช้ในการเข้ารหัสและอีกตัวหนึ่งใช้ในการถอดรหัสข้อมูลที่เข้ารหัสมา โดยกุญแจตัวแรก คือ กุญแจสาธารณะ (Public keys) ซึ่งจะเป็นกุญแจที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูล กุญแจตัวที่สองคือ กุญแจส่วนตัว (Private keys) ซึ่งจะเป็นกุญแจที่ใช้ในการถอดรหัส อ่านๆไปแล้วอาจจะงงว่าจะเอาไปใช้ได้อย่างไร เรามาดูการทํางานกันดีกว่า
สมมุติว่ามี นายA และนายB ต้องการจะส่งข้อมูลถึงกัน นายA และนายB ต่างก็มี กุญแจคลละสองอัน(Public keys, Private keys)
นายA ก็บอกนายB ว่า ถ้าคุณต้องการส่งข้อความหาฉัน ให้คุณเข้ารหัสด้วย Public keys ของฉัน และนายB ก็บอกนายA เช่นเดียวกัน
ณ.เวลานี้ นายA และนายB ก็มี Public keys ของกันและกัน(นายA มี Public keys ของนายB, นายB มี Public keys ของนายA)
นายA อยากส่งข้อมูล ไปให้นายB นายA ก็จะต้อง เข้ารหัสข้อมูลด้วย Public keys ของนายB(จะส่งข้อมูลหาใครก็ต้องเข้ารหัสด้วย Public keys ของคนนั้น)
เมื่อนายB ได้รับข้อมูลมา นายB ก็ต้องถอดรหัสด้วย Private keys ของตนเอง ก็จะได้ข้อมูลที่นายA ส่งให้
สรุปคือ
Asymmetric-key
ตัวอย่างนี้จะเขียนด้วย javascript นะครับ โดยจะแสดงให้เห็นการเข้ารหัสเลข 6 ด้วย public key แล้ว ถอดรหัสด้วย private key
<!DOCTYPE html>
<html>
<head>
<meta charset="UTF-8">
<title>Eample</title>
<script>
//สมุติว่าเรามีข้อมูล ที่เป็นไปได้คือ 0-9
//และข้อมูลที่เราต้องการจะเข้ารหัสคือ 6
var number = 6;
//Key ของนายA
var publicKey_A = 8;
var PrivateKey_A = 2;
//Key ของนายB
var publicKey_B = 4;
var PrivateKey_B = 6;
//เข้ารหัสด้วย public key ของA
var encode_A = (number+publicKey_A)%10;
//ถอดรหัสด้วย Private key ของA
var decode_A = (encode_A+PrivateKey_A)%10;
//เข้ารหัสด้วย public key ของB
var encode_B = (number+publicKey_B)%10;
//ถอดรหัสด้วย Private key ของB
var decode_B = (encode_B+PrivateKey_B)%10;
document.write( "เข้ารหัสเลข 6 ด้วย public key ของA ได้: " + encode_A + " <---ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสแล้ว<br>");
document.write( "ถอดรหัสเลข 4 ด้วย Private key ของA ได้: " + decode_A + "<---ข้อมูลจริง<br><br>" );
document.write( "เข้ารหัสเลข 6 ด้วย public key ของB ได้: " + encode_B + "<---ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสแล้ว<br>");
document.write( "ถอดรหัสเลข 0 ด้วย Private key ของB ได้: " + decode_B + "<---ข้อมูลจริง<br>" );
</script>
</head>
<body>
</body>
</html>
ข้อมูลจาก www.msit.mut.ac.th
BMS ย่อมาจาก Battery Management System หรือถ้าแปลเป็นไทยก็คือ ระบบจัดการแบตเตอรี่ ซึ่งจะทําหน้าที่ในการ Maintain balance cell battery เพื่ออัดไฟให้เต็มมากที่สุด และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ หากยังนึกภาพไม่ออก ผมจะยกตัวอย่างดังนี้ครับ เมื่อเรานําแบตเตอรี่หลายๆก้อนมาต่อกันแบบอนุกรมเพื่อให้ได้แรงดันไฟฟ้าตามที่เราต้องการแบบในรูป
สวัสดีครับ โดยปกติเราก็ใช้งาน google ในการค้นหาข้อมูลที่เราอยากจะรู้ แต่จะดีกว่ามั้ยในการ Search ของเราแต่ละครั้งสามารถสร้างรายได้ให้เราได้ด้วย ในบทความนี้เรามีคําตอบครับว่าทําอย่างไรอันดับแรกเราไปเรียนรู้เกี่ยวกับ Presearch กันก่อนครับ
VoWifi คือ การโทรศัพท์ผ่าน wifi โดยการทํางานจะเป็นแบบนี้ครับ พูดง่ายๆก็คือ แทนที่จะใช้สัญญานจากโทรศัพท์(สัญญานคลื่นความถี่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วไป) เปลี่ยนไปใช้สัญญานจาก wifi(internet) แทน ข้อดีคือ เมื่อคุณไปต่างประเทศ คุณไม่จําเป็นต้องใช้เสาสัญญานของประเทศนั้นๆ เพียงแค่มีสัญญาน wifi คุณก็สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้เหมือนอยู่ที่ประเทศไทย