ลิ้นมังกรมีคุณสมบัติ ช่วยฟอกอากาศบริเวณรอบ ๆ โดยจะคายก๊าซ Oxygen ในเวลากลางคืน สามารถปลูกภายในห้องนอนได้ จะช่วยฟอกอากาศภายในห้องนอน ให้มีคุณภาพมากขึ้น ช่วยดูดซับสารพิษ ไอระเหยประเภทฟอร์มาลดีไฮด์ โทลูอีน เบนซิน คลอโรฟอร์ม ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และสารพิษอื่น ๆ ที่มาจากสีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร
snake plant
ลักษณะทั่วไป
พืชสกุลลิ้นมังกรเป็นพืชอวบน้ำประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว มีอายุยืนข้ามปี มีลำต้นเป็นเหง้าหรือไหลอยู่ใต้ดินเหง้าจะมีปล้องสั้นและอวบอ้วน ไหลจะมีข้อห่างและเรียวยาวมีใบเป็นเกล็ดสั้นๆ หุ้ม และใบเกล็ดที่อยู่ส่วนปลายจะยาวมากขึ้นจนกลายมาเป็นใบไม้ ทั้งเหง้าและไหลจะเจริญเติบโตชอนไชไปใต้ผิวดิน เพื่อจะส่งหน่อใหม่ให้เติบโตแผ่ขยายบริเวณกว้างออกไปจากต้นแม่ รากจะแผ่ออกหาน้ำและอาหารโดยไม่แก่งแย่งกันเอง
- ** ต้น** เป็นหัวหรือเหง้าอยู่ในดิน ใบเกิดจากหัวโผล่ออกมาพ้นดินประกอบกันเป็นกอ
- ใบ เป็นแท่งกลมยาวหรือใบแบนกว้าง ปลายแหลม แข็ง หนาเป็นมัน ขอบใบเรียบ โค้งงอเล็กน้อยหรือเป็นเกลียว ใบมีความกว้างประมาณ 4-7 เซนติเมตร และสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าตามแต่สายพันธุ์นั้น ๆ สีสันของใบลิ้นมังกรจะมีสีเขียวซีดจนถึงสีเขียวเข้ม บางสายพันธุ์ใบมีสีเขียวเข้มขอบใบมีสีเหลืองทอง หรือใบมีสีเหลืองและมีสีขาวเป็นเส้นตามแนวใบ สีขาวประ สีเขียวอมเหลือง เขียวอมด่าง สีฟ้า และลักษณะลวดลายบนใบที่มีความแตกต่างและสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ ละสายพันธุ์
- ดอก ลิ้นมังกรมักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ดอกมีสีขาวหรือสีเขียวอ่อนและมีกลิ่นหอม ดอกมี 5 กลีบขนาดเล็กประมาณ 1.5 เซนติเมตร เรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก สามารถจำแนกการออกดอกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
- spike-like raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอกขนานกับใบ
- panicle raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามการแตกกิ่งที่แผ่ออกของก้านดอก
- capitate raceme ลักษณะการออกดอกยื่นสูงเป็นพุ่มเดี่ยวที่ปลายก้านดอก
การขยายพันธุ์
วิธีการแยกหน่อ วิธีการปักชำใบ วิธีการเพาะเมล็ด และวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นลิ้นมังกรไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร การปลูก มี 2 วิธี
- การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนนิยมปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนแต่คนโบราณนิยมปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน : อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก
- การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-15 นิ้ว ใช้ปุ๋คอก หรือ ปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา : 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถางทุก 1-2 ปี เพราะเนื่องจากการขยายตัวของรากและหน่อแน่นเกินไป และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
การดูแลรักษา
- แสง ต้องการแสงแดดปานกลาง จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง - น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง - ดิน ดินร่วนซุย - ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/กอ ใส่ปีละ 4-5 ครั้ง - การขยายพันธ์ แยกหน่อหรือตัดชำใบ - โรคและแมลง ไม่ค่อยพบโรคและแมลงที่ก่อให้เกิดปัญหา
ข้อมูลจาก www.thaigoodview.com www.healthyandnaturalworld.com